ไม้ไผ่พืชเศรษฐกิจ

ปลูกไผ่รายได้ดีกว่ายางพารา

ภาคใต้ตื่นปลูกไผ่ ชี้รายได้ดีกว่ายางพารา ปาล์ม, ข้าว, เฉลี่ยมีรายได้ประมาณ 15,000 บาท/เดือน จากการขายหน่อเท่านั้น ยังไม่นับส่วนอื่นๆ ขณะนี้ ลุย "ปลูกไผ่" ระบุ 2 ล้านไร่มีรายได้ถึง 2.4 ล้านล้านบาท กลุ่มปลูกไม้ไผ่เตรียมผลักดันตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันมูลค่า 2 พันล้านบาท สามารถผลิตได้วันละ 6 แสนลิตร ทั้งดีเซล เบนซินและน้ำมันเครื่องบิน ตั้งได้ใน จ.สงขลา กำแพงเพชร และพิษณุโลก


นางขวัญใจ กลับสุขใส เจ้าของสวนไผ่ใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และเหรัญญิกชมรมผู้ปลูกไผ่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีการตื่นตัวปลูกไผ่กันมาก โดยเฉพาะพัทลุงปลูกแล้วประมาณ 500 ไร่ ขยายตัวประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์/ปี ตอนนี้พัทลุงเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ที่ปลูกไม้ไผ่และขณะนี้ได้ขยายตัวไปยัง จ.สงขลา โดยได้ข้ามไปซื้อพันธุ์ไม้ไผ่กันจำนวนมากในแต่ละวัน ไม้ไผ่ใช้ได้ทั้งหมด ให้รายได้ประมาณ 15,000 บาท/เดือน โดยเฉพาะขายหน่อเท่านั้น ยังไม่นับส่วนอื่นๆ ซึ่งสร้างรายได้ดีกว่ายางพารามาก โดยจะให้รายได้ประมาณ 500-900 บาทต่อวัน และจะให้ผลผลิตตลอดปี


นายสัญญา วัชรพันธ์ ประธานชมรมไผ่สีทองภาคใต้ เปิดเผยว่า ตนเองปลูกไผ่ประมาณ 30 ไร่ โดยเป้าหมายในกลุ่มจะมีการปลูกไผ่ประมาณ 1 หมื่นไร่ ประมาณ 1 พันราย ในพื้นที่ จ.สงขลา และตอนนี้ได้ปลูกไปแล้วประมาณ 100 ราย เฉลี่ยปลูกประมาณ 5 ไร่/ราย โดยปลูกแบบธรรมชาติในนากุ้งกุลาดำที่ได้เลิกเลี้ยงไปแล้ว จะทยอยปลูกเพิ่มขึ้นตามลำดับเพื่อให้เกิดความมั่นคง โดยกลางปี 2556 จะสัมฤทธิผลสามารถป้อนไม้ไผ่เข้าสู่ตลาดได้ และภายใน 5 ปีจะเต็มพื้นที่เป้าหมาย ในระยะ 10 ปีจะทำการพัฒนาครบวงจร


นายมะนัด ละม้ายศรี เจ้าของสวนไผ่ประมาณ 30 ไร่ ประธานกลุ่มไม้ไผ่ 9 เปิดเผยว่า ไม้ไผ่ทั่วประเทศทั้งไผ่ป่าและปลูกเองมีประมาณ 5 ล้านไร่ โดยที่ปลูกเองประมาณ 2 แสนไร่ ไผ่จะให้รายได้ประมาณ 250,000-300,000 บาทต่อปี/ไร่ ดีกว่าทำนา 50 เท่า ให้ผลประโยชน์ตั้งแต่กิ่ง ต้น หน่อ ใบและกิ่งอ่อน ปลูกครั้งเดียวให้ผลผลิตได้ถึง 50 ปี ไผ่ให้พลังงานทดแทนเป็นชีวมวล 200-250 ตัน/ไร่ คิดเป็นเงินถึง 3 แสนบาท และสามารถผลิตน้ำมันดีเซล เบนซิน และน้ำมันเครื่องบินได้ สามารถสกัดน้ำมันได้ 50,000 ลิตร/ไร่/ปี ไผ่ประมาณ 10,000 ไร่ หากมีโรงงานอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันจะกลั่นได้ถึง 6 แสนลิตรต่อวัน แถมเหลือทำแก๊สและสามารถผลิตชีวมวลได้อีก 2.5 ล้านตัน


นายมะนัดกล่าวว่า ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา มีโครงการปลูกไม้ไผ่ประมาณ 1 หมื่นไร่ จากฟาร์มกุ้งกุลาดำ ตรงนั้นหากมีเงินลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำมันประมาณ 2 พันล้านบาท ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะไผ่ 10 ไร่ให้ผลประโยชน์แก่เจ้าของสวนถึง 3 ล้านบาท/ปี โดยไม่เกิน 2 ปีก็จะประสบความสำเร็จ มีต้นไผ่ประมาณ 2 ล้านไร่สามารถทำรายได้ปีละ 2.4 ล้านล้านบาท แต่ต้องมี 3 โครงการคือ โรงกลั่นน้ำมัน โรงอุตสาหกรรมแก๊ส และโรงอุตสาหกรรมคาร์บอนกัมมันต์ ซึ่งในประเทศอเมริกาดำเนินการมาแล้ว 10 ปี และในประเทศสวีเดนก็ใช้ไม้ไผ่เป็นพลังงานเช่นกัน

นอกจากนั้นยังมีโครงการสร้างโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำสามารถผลิตได้ถึง 25 เมกะวัตต์ โดยใช้วัตถุพลังงานจากไม้ไผ่ ใช้พื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ซึ่งในส่วนนี้เตรียมจดสิทธิบัตรไว้แล้ว


นายมะนัดกล่าวว่า ในกลุ่มขณะนี้มีโครงการสร้างโรงกลั่นลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท มีเนื้อที่ครบวงจรประมาณ 1 หมื่นไร่ พื้นที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมน้ำมันประมาณ 500 ไร่ นอกนั้นจะทำเป็นนิคมปลูกไม้ไผ่ ขณะนี้แหล่งเงินกู้ต่างประเทศพร้อมให้กู้ทันที แต่ทางกลุ่มจะต้องมีเงินสดสมทบประมาณ 50 ล้านบาท สถาบันการเงินจึงจะให้
"โดยโรงงานอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันนำมาจากสหรัฐอเมริกา โรงงานอุตสาหกรรมแก๊สจากประเทศสวีเดน และโรงงานอุตสาหกรรมคาร์บอนกัมมันต์จากประเทศออสเตรเลีย ตอนนี้เงินสมทบยังขาดอยู่ หากนักลงทุนรายใดสนใจติดต่อประสานงานมาได้ แต่ที่สำคัญรัฐบาลน่าให้ความสนใจโครงการนี้มากกว่า เพราะเพลังงานทดแทนมีความสำคัญเร่งด่วน โดยให้กลุ่มกู้เงิน ซึ่งจะสามารถคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้เมื่อโครงการเสร็จภายใน 1 ปี" นายมะนัดกล่าว


ที่มา:ไทยโพสต์การค้าและการลงทุน